- ฮวงจุ้ยพื้นฐาน
- รูปภาพและความหมาย
- ฮวงจุ้ยสำนักงาน
- ฮวงจุ้ยที่ดิน
- ฮวงจุ้ยร้านค้า
- ฮวงจุ้ยบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
- ข้อห้ามเกี่ยวกับการเลือกที่อยู่อาศัย
- ทำเลเสียดูอย่างไร
- ดาว ๙ ยุคคืออะไร
- ดวงจีน
- การดูลักษณะภูเขา
- กรณีศึกษาฮวงจุ้ย
- ประสบการณ์การดูทำเลของอาจารย์แอน
- คำคม..ข้อคิด
- เกร็ดความรู้จากพุทธศาสนา
- เกร็ดความรู้ที่ได้จากวรรณคดี
- บทความพิเศษ
13 ม.ค. 2557
สรุปบทความจากรายการ
"สาระจากเมืองมังกร ตอนที่ 69 บทสวดแรกเกิดขึ้นในสมัยใด"
ออกอากาศทาง TNN2 Truevision ช่อง 8 ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 20.20 - 20.30 น.
พุทธศาสนาในประเทศจีนมีความเจริญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยราชวงศ์ฮั่น แต่เจริญสูงสุดจริงๆ กลับเป็นสมัยราชวงศ์ถัง อีก 300-400 ปีต่อมา แต่ในช่วงนั้นช่วงสมัยราชวงศ์ฮั่น ก็มีสิ่งต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญก่อกำเนิดขึ้นหลายด้านทีเดียว ในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่น ซึ่งต้องถือว่าราชวงศ์ฮั่นกำลังจะสิ้นสูญ ซึ่งเป็นช่วงที่โจโฉขึ้นเป็นใหญ่ โจผีก็ยังมีส่วนในการบำรุงพุทธศาสนา รวมทั้งโจสิดผู้เป็นน้องด้วย ดังนั้นบทสวดของจีนที่เราได้ยินกันทุกวันนี้ ว่ากันว่าเป็นบทสวดครั้งแรกที่ปรากฏขึ้นในประเทศจีนแต่งโดยโจสิด เป็นบทเพลงสวดทำนองไพเราะ
ในขณะเดียวกัน ในยุคเดียวกันก็เกิดภิกษุณีขึ้นเป็นครั้งแรก โดยพระภิกษุจากลังกาได้เล่าเรื่องพระภิกษุณีหลังสมัยพุทธกาล 300 ปี ก็คือ สังฆมิตตาเถรี พระธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชผู้ซึ่งนำพุทธศาสนาไปเผยแพร่ในลังกา สังฆมิตตาเถรี แปลว่าพระสงฆ์หรือผู้สงบแล้วด้วยความเมตตา บทสวดจึงเป็นทำนองเสนาะเอ่ยถึงความเมตตา ซึ่งเป็นที่มาของปรัชญาปารมิตาสูตรนั่นเอง ซึ่งบทสวดนี้ ได้มีการแปลเป็นภาษาธิเบตก็คือ โปเยโปโลเย ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับผีสางเสมอไป เพราะว่า โปเยโปโลเย เป็นเสมือนคำขึ้นต้นของบทสวดเป็นภาษาธิเบต เหมือนเราเริ่มท่องบทสวดอิติปิโส ก็ต้องมีบทนำมาก่อน และเรื่องราวของโปเยโปโลเยนั้น เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงกฎแห่งกรรมมากกว่าเป็นเรื่องของผีอย่างที่เข้าใจกัน
ย้อนกลับมาถึงบทสวดในช่วงนั้น เนื่องจากบทสวดที่ไพเราะ ชักนำให้ผู้คนมีความเมตตาและอ่อนโยนต่อกัน ก็ถือว่าในช่วงระยะเวลาสงครามซึ่งโจสิดเองก็ต้องการยุติสงครามทั้งหมด แล้วรวมทุกก๊กเข้าด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น ซึ่งพุทธศาสนาก็ได้ปลูกปักลงไปในหัวใจของคน และถือว่าวัดม้าขาวนี้เป็นวัดศูนย์กลางของพุทธศาสนาอย่างแท้จริงในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นนี้เอง เพราะว่าหลังจากที่รวมประเทศและพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองแล้ว ก็เป็นยุคของการแย่งชิงความเป็นใหญ่โดยสกุลของซื่อหม่า หรือ สุมาอี้ นอกจากนั้นก็ยังมีคนนอกด่านมาปกครองอีก 5 ราชวงศ์ จนกระทั่งมาถึงแม่ทัพคนหนึ่งชื่อว่า หยางเจียง ราชวงศ์สุยได้รวมประเทศเป็นปึกแผ่นอีกครั้งหนึ่ง พุทธศาสนาก็หายไป ไม่ได้มีการฟื้นฟูหรือการสังคายนา จนกระทั่งมาถึงราชวงศ์ถัง ในช่วงแรกยังไม่สามารถจรรโลงพุทธศาสนาได้ จนกระทั้งถึงปลายราชวงศ์ของถังไท่จงฮ่องเต้ พุทธศาสนาจึงกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าในปลายรัชกาลจะยังมีความเชื่อเรื่องของหมอดูหรือยาอายุวัฒนะอยู่ แต่ก็ยังจรรโลงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองที่สุด